ทันใดนั้น! เกล็ดหิมะที่โปรยลงมาหวอยๆ พลันเร่งสปีดเร็วและแรงขึ้น เกล็ดเล็กๆรวมพลังกันโหมตามกระแสลมเทียบเท่าพายุหิมะ หรือ blizzard นั่นเอง! ฉันเริ่มมองไม่เห็นทางข้างหน้าในระยะ10เมตร หรือแม้กระทั่งไฟท้ายรถของคันหน้า..
-ถุงแป้ง-
ทุกครั้งที่เดินทางในญี่ปุ่น ฉันจะเช่ารถขับค่ะ เพราะฉันชอบชนบทญี่ปุ่น นอนก็นอนที่ๆไม่ได้มีโลเกชั่นในเมืองใหญ่ๆ และสะดวกแม่ฉันด้วย ไม่ต้องขึ้นรถไฟ ลงรถไฟใต้ดินให้ปวดข้อเข่า
และทุกครั้ง ฉันจะใช้บริการเช่ารถผ่านเว็บ https://www2.tocoo.jp/en/
ซึ่งเป็นเว็บเช่ารถของญี่ปุ่น เราใส่ความต้องการของเราไปว่า เราจะไปภาคไหน เมืองอะไร รับรถที่จุดไหน จีพีเอสภาษาอะไร รถรุ่นใหญ่หรือเล็ก เสร็จแล้ว หน้าจอก็จะแสดงผลว่า มีรถของศูนย์เช่ารถอะไรบ้างที่มีรถว่างช่วงนั้น ส่วนใหญ่ นิสสัน rent a car รถเขาจะมีจีพีเอส ภาษาอังกฤษค่ะ
ทริปนี้เราจะเช่ารถกับ nippon rent a car บนเว็บ tocoo แค่ 4วัน 11ม.ค -14ม.ค (2560) เที่ยวแค่อาซาฮิคาว่าและซับโปโร่ น้อยที่เข้าไว้ คุณน้องชายของฉันจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป
เรางมหาเคาน์เตอร์รับรถตามป้ายชี้ทางในแอร์พอร์ตชินชิโตเสะ ที่บอกว่า Car rental ให้ลงไปทางนี้ๆ เสร็จก็ต้องไปบอกสาวเจ้าตรงจุด info(ซึ่งกว่าจะตรัสรู้ เล่นเอาเดินวนๆ) ว่าเรามารับรถนี่นะ มีใบจอง สรุปเราคือ คิวแรกและ คิวเดียวของวันนี้!!! หน้าหนาวไม่ค่อยมีใครมาบ้าขับหรอก แต่มันถูกตังดีนา..
รอสัก10นาที คุณพี่จากศูนย์รับรถก็เข้ามา อาโหน่ ฮอนดะ บลา บลา โดโสะ เราก็เดินตามเขาไป ง่ายๆ ไม่ต้องมีทักษะใดมาก แค่ยื่นบัตรแข็งๆที่เจ๊ info ให้ไว้กับพี่แก ก็จบข่าว
ศูนย์รับรถอยู่ด้านนอกออกไปแค่ 10 นาที แต่เราต้องนั่งรถตู้รับส่งของทางศูนย์ไปจากสนามบิน
เราตรวจรับรถกันไม่นาน เพราะคิวน้อย
ออกตัวมาได้ ก็ปรับความคุ้นกับถนนหนทางและป้ายบอกทางของเมืองซักแป๊บ
น่าเบื่อตรงไฟแดงเมืองนี้มีเยอะยังกับเซเว่นบ้านเรา มีได้ทุกแยก แม้กระทั่งซอยเล็กๆ ที่มีรถกะป๊อขับออกมาโดยคุณลุงชราภาพ ที่หนักกว่า ฉันหาจุดหยุดหลังเส้นตรงไฟแดงไม่เจอ แถมปัญหาคือทางม้าลายคนข้ามตรงแยกอีก มันอยู่ตรงไหนเนี่ยยย หิมะเยอะขนาดนี้ !!!
ฉันจอดเลยมาหลายครั้ง จนหลังๆจับจุดได้ว่า หยุดก่อนช่องว่างที่เขาขุดลอกผิวหน้าถนนให้เป็นทางเรียบๆหน่อยนั่นล่ะ คือทางให้คนเดินข้ามม้าลาย
เขาจะเดินไปไหนเนี่ยคนเนี้ยยยย ไปปล้นธนาคาร??
พอเข้าทางหลวง เราขับได้สบายขึ้น ไม่ต้องคอยเหยียบเบรกตามแยกไฟแดงอีกต่อไป ขับต่อไปอีกหน่อย ฉันคงตะคริวจับ
ฉันเลือกเข้า toll way เพราะต้องทำเวลาเพื่อไป Asahikawa เลยต้องยอมเสียค่าทางด่วนแสนแพง (ลิบ) ทางด่วนพวกนี้ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำและอาหาร เขามีจุดพักข้างทางอย่างดีตลอดสาย (ถึงแพงงัย)
เลนบน toll way เขาจะเป็นแบบนี้ มีสองเลน สำหรับไปทางเดียว ทางสวนจะอยู่อีกฟากหนึ่ง โดยมีเกาะกลางเตี้ยๆ ซึ่งตอนนี้ โดนหิมะทับถมจนสูง จริงๆ ในรูป เกือบเหลือเลนเดียวซะอีก เพราะหิมะตกหนัก เกลี่ยให้ได้เท่านี้ อย่าขอเยอะ (เขาว่ามา)
ขับไปสักพัก ความเหนื่อยล้าเริ่มคืบคลานมาทวงหาเวลาพักผ่อน แม่กับน้องฉันส่งเสียงคร่อกแคร่ก คอพับคออ่อน ส่วนฉันเป็นคนตาค้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนั่งหรือขับรถ
ขับไป ดูวิวไปเรื่อย ฉันเป็นคนชอบขับรถหน้าหนาว วิวหิมะทับสุมๆกันบนยอดสน ตามกิ่งก้านและใบเขียวสลับขาว สวยดีแท้
เอ๊ะๆ!! หิมะตกนี่นา ตกมาอีกแล้ว มาหวอยๆเลย สวยๆๆ ว้าว ...
เอ เอิ่ม เอ๊ะ อร๊าายยย เม็ดใหญ่ขึ้นเนาะ เห้ย หนักๆ ไปแล้วป้ะ!!
อยู่ดีๆ ความงามตรงหน้าก็แฝงมากับความดุดันของทั้งกระแสลม และหิมะเกล็ดใหญ่ๆ จนกลายเป็นพายุหิมะ หรือ blizzard ดีๆนี่เอง!!
คราวนี้ แม่และน้องฉันก็สะดุ้งตื่นมาช่วยดูทางด้วย ฉันรู้สึกเหมือนมีครูสอนขับรถกระโดดเข้ามาบรีฟๆๆ
เราสามคนเบิกตาโพลง เรียกประสาทสัมผัสทุกอย่างให้ตื่นกว่าปกติ แต่หลักๆที่ต้องเรียกกลับมาให้มากสุด คือ สติ
ฉันไม่กล้าขับขึ้นขวา ขอตามรถคันหน้าที่ฉันขับไล่มาทัน เพื่อความอุ่นใจ ว่ามีเพื่อนร่วมทาง แต่รถคันหลังๆนี่สิ ซิ่งขึ้นขวากันไปหมด แถมขับเร็วด้วย กล้ามากๆ
ฉันขับงมในม่านหมอกและไอหิมะที่มาจากทุกทิศทางหลักๆเลยก็อาจมาจากรถคันหน้าด้วย สุดท้าย ทนไม่ไหว มันมองอะไรไม่เห็นเลยจริงๆ
ฉันลองขับขึ้นขวา แซงหน้าพี่คันหน้า เพื่อลองเป็นอิสระจากไอหิมะของคุณพี่แก และก็จริงแฮะ !!! คันอื่นเขาถึงต้องซิ่งเอาๆ ไม่ให้คันอื่นมาพ่นหิมะใส่ วิสัยทัศน์เราปรับดีขึ้นมาทันที โง่อยู่นานมาก ตอนนี้ กล้ามเนื้อทั่วตัวฉันเริ่มผ่อนคลายจากความตึงเปรี๊ยะ
เราแวะพักที่จุดพักข้างทางเล็กๆ เข้าห้องน้ำ และกดซื้อน้ำจากตู้กดขายน้ำ ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาเรื่อยๆ สวยงามดุจภาพในฝัน
ก่อนเข้าอะซาฮีคาว่า ฉันตั้งใจขับผ่านเมืองบิเอ หน้าร้อนปีก่อน ที่เรามาขับชมเทือกสวนไร่นา ทุ่งนาสีทอง สลับเขียวแม่ชอบมาก
ยิ่งตอนนี้ คงเป็นทุ่งหิมะกว้างๆ คงสวยเข้าไปอีก ฉันเซ็ตจีพีเอสเป็น เบอร์โทรของร้าน Tree Terrace ที่อยู่บริเวณจุดถ่ายรูปยอดฮิต คือต้น Ken&Mary no ki มีทัวร์จีนมาลงก่อนหน้าเรา เลยต้องรอเวลาหาจังหวะถ่ายแพรบบ
ทัวร์จีนลงเพียบ นี่ต้องหุ่นแม่นะ ถึงจะเอาตัวบังสาวจีนกลุ่มข้างหลังที่วิ่งไปวิ่งมา
ต้นไม้ของเรานั้น แห้งกระแดก แต่ก็เอาน่า มาถึงแล้ว
กว่านางจะเข้าร้าน ขอถ่ายตรงนู้นตรงนี้ ชอบอะไรคิขุ
ในร้านอุ่นสบาย ขนาดเล็กกะทัดรัด จริงๆเขาจะมีระเบียงที่เป็นส่วนที่ให้ชมวิวทุ่งนาในหน้าร้อน แต่หน้าหนาวเขาปิดค่ะ เพราะเก้าอี้นั่งไม่ได้ หิมะถมจนมองไม่เห็น
มีเมนูขนมหวานน้อยนิดให้เลือกในช่วงหน้าหนาว โกโก้ร้อนพอช่วยคลายหนาวได้ เข้มข้นใช้ได้
เราขับเวียนไปวนมามั่วซั่ว เพราะไม่รู้จะใส่จีพีเอสจุดชมต้นไม้อื่นๆว่าอะไร แต่บังเอิญมาเจอมุมนี้จนได้
Mild Seven hill จากเนินนี้ เรามองเห็น patchwork road ได้จากมุมสูง ถ้าเป็นหน้าร้อนจะเห็นการตัดกันของทุ่งนาสีเขียวเหลืองได้ชัดเจน แต่วันนี้ ทั่วทุกจุด กลายเป็นสีขาวโพลน
อุตส่าห์มีตู้กดน้ำ!!
The Christmas Tree ทางซ้ายมือนั้น ก็เป็นจุดถ่ายรูปหนึ่งอีกเช่นกัน แต่เราขอไม่ลงไปแล้ว แค่ชมในระยะไกลก็พอ
แดดเริ่มหายอีกแล้ว เหมือนหิมะจะตกอีกรอบ เรารีบเดินทางเข้าอะซาฮิคาว่าดีกว่า ก่อนที่จะถึงเอามืดค่ำ
เจอกันที่บล็อกหน้าค่ะ เราจะไปเที่ยวไหนกันที่อาซาฮิคาว่า ติดตามอ่านกันตอนหน้าค่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น