ฉันเป็นคนชอบไปศาลเจ้า ฉันไปมาหลายจังหวัดในญี่ปุ่น เพื่อไปเดินเล่นและสักการะศาลเจ้า และจนถึงตอนนี้ ฉันได้ค้นพบศาลเจ้าที่ฉันโปรดปรานมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือที่นี่
-ถุงแป้ง-
เราตื่นมาพร้อมความสดชื่น เตียงนอนนุ่มสบายมาก ขอโปรโมตโรงแรมนี้ ดีงามพระรามยุ่นมาก
นี่คือสภาพรถตอนเข้านำจอดเมื่อคืน
ฉันออกไปรับรถที่ฝากไว้กับโรงแรม (มีค่าใช้จ่ายนะแจ๊ะ) โดยยื่นบัตรแข็งเล็กๆที่แสดงว่าเราได้รับการสแตมป์กับโรงแรมแล้ว ให้ลุงที่ดูแลจุดจอดรถแบบใช้ลิฟต์ รอสักพัก รถเราก็ลงมากับลิฟต์ฝั่งขวา (มีสองฝั่งสลับกัน) แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไถตัวออกมาได้โดยเครื่องมือใดๆนะ เราต้องเข้าไปขับออกมาเอง โดยมีลุงคอยบอก ว่าให้ระวังอะไรซ้ายขวา ยังงัย ตอนออกง่ายกว่าตอนเข้า ซึ่งต้องตั้งลำให้ดี หุบกระจกข้าง และมองกระจกที่เค้าแปะไว้ข้างในว่า รถเราตั้งองศาตรงมั้ย
และอีกตามเคยที่ฉันขับออกมา ก็จะเลี้ยวออกผิดด้าน เพราะในเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น หลายที่เดินรถทางเดียว คนที่เดินผ่านแถวนั้น มองงงๆ แล้วชี้ว่า ทางนี้ๆ โอเค ป้ายลูกศรก็มี บ้านนอกแท้
ฉันเซ็ตเบอร์โทรของศาลเจ้าคามิคาว่าแล้วออกเดินทางกันเลย ตอนเช้าๆ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ดันเจอซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่กันซะก่อน ก็รีบแวะเข้าซื้อซูชิ ไก่คาราเกะ ผลไม้ ไว้เป็นอาหารเช้า เราตื่นเต้นกับแผงขายของที่นี่มาก หยิบกันมือไม้พันกันเป็นพัลวัน
การขับไปศาลเจ้านี้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาภายในส่วนของสวนคากุระโอกะ ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนขับออกไปนอกตัวเมืองเล็กน้อย แต่จริงๆ ถ้ามาโดยรถไฟ ให้ลงที่สถานี คากุระโอกะจากสถานีอะซาฮิคาว่าแค่1 stop แล้วเดินเท้ามาประมาณ 10 นาที ชมนกชมไม้มาเรื่อย ก็ดูไม่น่าไกลค่ะ
เบอร์โทร ศาลเจ้าเพื่อจีพีเอส คือ 0166 65 3151
ฉันเลี้ยวเข้าทางขึ้นวัดที่มีลูกศรชี้ แต่มันผิดอีกแล้วค่ะ!! นี่เบอร์ที่ให้ไปคือส่วนสำนักงาน ! ต้องเข้าไปในทางเลี้ยวที่ใหญ่ๆดูเป็นเนินๆขึ้นไปนั่นแหละค่ะ เราดูกันตอนแรก ไม่แน่ใจเลยขับเลย งานนี้ต้องออกมา แล้วไปกลับรถไกลเลย แล้วเลี้ยวเข้ามาที่จุดตั้งต้นตรงแยกไฟแดงใหม่
ลุงที่คอยบอกตรงที่จอดรถ ทำงานแข็งขันมาก โบกไปพร้อมใช้เสียงพูดลุ้นตลอดเวลา แกดูมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่มาก น่าอิจฉาลุง พอเราลงจากรถ เราขอบคุณลุงกันใหญ่ที่ลุ้นให้เราเอารถเข้าจอดแบบสวยงาม ลุงยิ้มแล้วโค้งให้เรา เราก็โค้งกลับ โค้งกันไปมาอยู่นั่น
พอเดินมาถึงซุ้มประตูทางเข้าก็ฮือฮากันเลย สวยมากๆ และบริเวณที่นี่กว้างใหญ่มาก ขั้นบันไดที่นี่ใหญ่และกว้าง แถมปกคลุมด้วยหิมะนุ่มผสมเปียก เลยต้องเดินระวังกันดีๆ
นี่ทางเข้าที่ต้องเดินขึ้นมาค่ะ บันไดหลายขั้นเลย แต่เราลักไก่ 55 เราเดินมาจากที่จอดรถ
ตัวศาลเจ้าใหญ่ อลังการมาก ยิ่งในหน้าหนาว ดูน่าเกรงขามสุดๆไปเลย ดูเหมือนจะมีแค่เรา กับคนโลคอล2-3คน ในตอนเช้าๆแบบนี้
บริเวณสวนจะอยู่ด้านข้าง บรรยากาศเงียบสงบ เราหลุดลืมตัวกรี๊ดกร๊าดออกมา พอเดินมาเห็นวิวตรงจุดนี้
มองเห็นวิวเมืองอะซาฮิคาว่าเบื้องล่างพอวับๆแวมๆ
เราใช้เวลาในสวนข้างวัด นานกว่าอยู่ในบริเวณวัดอีก ก็มันสวยจริงๆนะ
น้องชายบอกว่า คันหน้ามาก เมื่อไหร่จะถ่ายเสร็จ
โทริอิเล็กๆ ให้รู้ว่า นี่ เป็นทางเข้าศาลเจ้าจากสวนตรงนี้นะ
เห็นมันๆตรงไหนก็ลูบตามเขาไป วัวเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์พูนสุข
ต่อจากศาลเจ้า ก็ขับออกไปนอกเมืองซึ่งไม่ไกลเกินชั่วโมงก็ถึง สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า
ที่มีคำว่า ยามะ แปลว่า ภูเขา สวนสัตว์นี้อยู่บนภูเขาอาซาฮีล่ะ
เราขับเลยทางเข้าอีกแล้วอ้ะ อายจัง....
ป้ายทางเข้า เหมือนจะเป็นเพนกวินหรือบรรดาสัตว์ชี้ทางให้เลี้ยวขวาไป แต่เรามัวแต่คุยและมองวิวทางซ้าย จีพีเอสบอกว่าเราเลย ถึงรู้ตัว ไปหาทางกลับกันยาวอีกละ
เราจอดรถที่ลานกว้างๆด้านนอก เราสามารถมองเห็นวิวของเมืองอะซาฮิคาว่าเบื้องล่างที่อยู่ไกลลิบๆ
ที่น้องชายถือของพะรุงพะรังก็คือ ถุงใส่ของกินที่ซื้อมาจากซุปเปอร์ก่อนหน้า เร่จะเข้าไปจัดการของที่ซื้อด้านใน มันคงมีจุดให้เรานั่งกินอาหารก่อนเข้าดูล่ะน่า
ซื้อตั๋วซึ่งไม่ถือว่าแพงเลย คนละ 300กว่าบาทแล้วก็เดินเข้ามาข้างใน เป็นห้องทานอาหาร จุดขายของที่ระลึก และบริเวณเล็กๆให้นั่งรอตรงหน้าห้องน้ำ เราทานอาหารกลางวันของเราแบบลวกๆ ตรงแถวนี้ ไม่เน้นอร่อย เอาให้อิ่มท้อง แล้วเข้าห้องน้ำ
เสร็จแล้วก็เดินลงตามบันได ไฟสลัวๆ บิลด์อารมณ์แบบเข้าพิพิธภัณฑ์ ตามฝาผนังมีรูปสัตว์ ตัวการ์ตูนสัตว์น่ารัก บอกรายละเอียดเล็กๆน้อย เพื่อโปรโมตก่อนการเข้าชม
สวนสัตว์ที่นี่จะสร้างทางเดินลาดเอียงลดหลั่นกันลงไปตามเนินเขา ที่จอดรถอยู่ด้านบน แล้วเดินลงตามทางลาดหรือบันไดก็ได้ ไปตามจุดชมสัตว์ในกรงที่จัดไว้เป็นหมวดหมู่ สวนสัตว์เป็นแบบoutdoor ซะส่วนใหญ่ค่ะ ทรมานดีแท้ เพราะวันนี้ อากาศหนาว แม้จะมีแดด รองเท้าผ้าใบบางๆของน้องฉันเริ่มชุ่ม เพราะหิมะเปียกๆ
นางมองกล้อง
ไฮไลท์อย่างหนึ่งของที่นี่ แพนด้าแดง !!!
ทานุกิ ซึ่งก็คือ แรคคูนชนิดหนึ่ง
หมาป่าขาว นอนรับแสงแดด ประหนึ่งล้มตาย
ขณะรอชมพาเหรดเพนกวิน เขามีเป็นรอบๆ ต้องศึกษามาให้ดีว่า วันนี้เขามีรอบไหน เหมือนจะเช้ารอบหนึ่ง บ่ายรอบหนึ่ง เรามาทันรอบบ่ายสอง มาสแตนด์บายรอก่อนสัก 10นาทีเพื่อจองที่ แต่ต้องอยู่หลังเส้นกั้นสีแดงที่เขาพ่นไว้
นางแตกแถวออกมาทักทาย ด้วยการโค้งแบบญี่ปุ่น
เดินกลับแล้ว โดยเส้นทางของพวกนางจะเป็นลูป ใครไม่ทันช่วงแรกๆ ก็ไปรอดูตอนเดินกลับได้
การจัดให้เพนกวินออกมาเดินพาเหรดไม่ใช่การทรมานสัตว์เพื่อการโชว์ แต่เพื่อให้เพนกวินได้ออกกำลัง ยืดเส้นยืดสายค่ะ
ทริปวันนี้ จบลงที่บั้นท้ายของหมีขาวนะคะ
สวนสัตว์นี้ ในหน้าร้อนและหน้าหนาว สัตว์ที่นำมาแสดงจะมีแตกต่างบ้างตามชนิดความเป็นอยู่ของสัตว์
ก็เป็นที่ๆให้เดินเพลินๆ แชร์ช่วงเวลาแห่งความสุขกับครอบครัวได้ดีอีกที่หนึ่งค่ะ มาแล้วไม่เสียดายเงินค่า ลองมากันนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น