ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อุทยานหินผาลำดับแรก แพะเมืองผี Garden of the Gods


                 
     
                         



          คำเตือน  : โปรดใช้วิจารณญาณในการเลื่อนชม บุคคล และสถานที่ซึ่งได้มีการอ้างอิงถึงนี้ มาจากเรื่องจริง ท่านผู้อ่านที่เพิ่งรับประทานอาหารมื้อใหญ่มา กรุณาเว้นเวลาไว้สักเล็กน้อย ก่อนเข้าชม เนื่องจากภาพและอากัปกิริยาต่อหน้ากล้องของตัวละครในเนื้อเรื่องเหล่านี้ อาจมีความเหนือจริงและกวนอารมณ์ของท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย ขอท่านผู้อ่านโปรดอดกลั้นที่จะเลื่อนอ่านจนจบ ทางผู้ผลิต จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ เอย!



         ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 พวกเราสามสาวโสด ( ซิงมั้ย ระบุละเอียดไม่ได้ ) ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปต่อเครื่องที่นาริตะเพื่อขึ้นเครื่องนิปปอนไปลงเดนเวอร์ รัฐโคโรลาโด ที่เราจะอาศัยบ้านเพื่อนเป็นที่ซุกหัวนอนฟรีไปถึง3คืน  เพื่อปรับเวลาต่างของไทม์โซนให้ร่างกายคุ้นชินขึ้น และเพื่อศึกษาการขับรถพวงมาลัยซ้ายจากเพื่อนไปคร่าวๆก่อนที่เราจะไปรับรถเช่าที่เช่าไว้ถึง8วัน  พลขับคือฉันกับน้องสาวที่มาด้วยกันอีกคน เราทั้งคู่ไม่เคยมีใครขับรถในอเมริกา มาวัดดวงกันสดๆก็งานนี้
         สภาพรถของเราที่เช่าจาก Enterprise ไม่ค่อยใหม่เท่าไร อาจเพราะโปรถูก แต่ก็รับใช้เรามาอย่างสมบุกสมบันได้ในระดับดีเลิศ เรียกว่า พอคืนรถ ก็คงต้องรีบเผ่นแน่บ เพราะสภาพรถผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างกับระยะเวลาเช่าเป็นปี อายพนักงานรับรถมาก
                    
               ตะแกรงหน้ารถของเราเต็มไปด้วยวัชพืช แบบที่เราเห็นกันในหนัง ที่หญ้าแห้งก้อน
 กลมๆวิ่งหลุนๆไปมาตัดหน้ากล้องประจำนั่นแหละค่า มันมีแบบนั้นจริงๆนะ อย่าคิดว่าเป็นเอฟเฟกต์!! 


                  
                                   พรีเซนเตอร์หญ้าปีศาจ!! ที่ยังไม่ก่อกำเนิดเป็นก้อนกลม






          เรารับรถและขับวนหาทางเข้าฟรีเวย์กันพอเป็นพิธี และได้รับของแถมเป็นเสียงบีบแตรจากเพื่อนร่วมทางเป็นระลอกพอหายเหงา เพราะเราเลี้ยวผิดเลี้ยวถูก จะเปิดไฟเลี้ยว ก็ไปตีที่ปัดน้ำฝนอยู่นั่น เอ้า ! ทุกอย่างมันกลับด้านไปหมด

         เรามุ่งลงใต้โดยขับผ่านเมืองน้ำพุร้อนที่ไม่ได้มีโอกาสโดดลงไปเล่นอย่าง Colorado Springs สองข้างทาง มีแท่งหินมหึมาแปลกตา พื้นหญ้าแห้ง แผ่นดินรกร้างขนาบเส้นทางเราไปตลอด แถมลมแรงปะทะตัวรถทั้งจากด้านข้างและหลัง คือมันอะไรจะขนาดนี้ ถ้าเป็นเครื่องบิน คงเป็น wind sheer แรงปะทะระดับเครื่องบินวูบวาบ ฉันต้องหยุดพักแล้วเปลี่ยนให้หญิงมาขับ เพราะไตรเส็บแขนแข็ง หน้าแข้งล้าเต็มที และเส้นทางไม่ได้หวือหวามาก เลยเหมาะแก่การทดลองฝีเท้าและกล้ามแขนของสาวรุ่น(เด็กกว่าฉัน)

      จุดแรกที่เราจะแวะกันคือ อุทยานแพะเมืองผี Garden of the Gods ฉายาที่ดูไทยๆนี้ ได้มาจากการรีวิวของพวกเราสามคนคร่าวๆ จากการเดินวนๆ ชมพื้นที่อุทยานร่วมชั่วโมง มันช่างละม้ายคล้ายอุทยานแพะเมืองผีของไทยเราที่จังหวัดแพร่เป็นยิ่งนัก










          นักธรณีวิทยาบอกว่า คือเขาเล่ามา ประมาณว่า เรื่องมันย้อนไปถึง 300 ล้านปีก่อนนู้นนน ตะกอนจากแม่น้ำถูกนำพาและกระจายออกไปสู่การพัดพาของดินทรายจำนวนมาก ตะกอนสีแดงประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก อยู่ใต้น้ำ พอถึงยุคเมื่อ 60ล้านปีก่อน ภูเขาหินรุ่นน้องเริ่มอยากเกินหน้าเกินตารุ่นพี่ จึงเริ่มดันตัวสูงขึ้น ตะกอนและหินถูกยกดันขึ้นมา และด้วยแรงลมและฝนในบริเวณนี้อีทีที่ช่วยกันจัดทรวดทรงให้สะโอดสะองตามมีตามเกิด เหนื่อย แลดูมีสาระ แต่จริงๆ ตอนนั้น เดินๆ ถ่ายรูปอย่างเดียว 55





เราจอดรถตรงจุดจอดรถขนาดใหญ่ตรงทางเข้า แล้วเดินตามลูปที่เป็นพื้นปูนอย่างดีได้เลย แต่ถ้าใครรักสบาย กลัวร้อน หน้าไหล ก็นั่งในรถ ขับวนเป็นลูปตามถนนรอบนอกอีกชั้นก็ได้ ไวดี


ลมโซนนี้ เล่นเอาเสื้อผ้าและผมเผ้ากระพึดกระพือ เอาจริงๆ ไม่ได้ใช้เอฟเฟกต์พัดลมตัวใหญ่ๆแต่อย่างใด บางช่วงเล่นเอาทั้งคน สัตว์ สิ่งของ เทกันไปคนละทิศละทาง

      ถ่ายรูปอยู่ร่วมชั่วโมง เพราะต้องทำเวลา แต่ก็สามารถเรียกฝ้าเรียกกระมาประทับใบหน้าได้ พอสมควร เพราะแดดแรงพอๆกับลมค่ะ วิ่งตะครุบหมวกคุณนายหญิงกันจนเหนื่อยพอประมาณ ก็ยอมแพ้ เดินทางต่อดีกว่า พระเจ้าช่วย! ผมเสียทรงมาก (โทษลม) มีจังหวะนึง วูบนั้นยังตราตรึง หอบนั้นเล่นเอาเราสามคนเกือบลงนอนเป็นแนวราบกับพื้น เพราะยืนสองขา ไม่สามารถโพสท่าต่อได้



       เอาจริงๆ ที่นี่ถือเป็นแค่น้ำจิ้ม เรียกน้ำย่อย เปิดตัวการเดินทางเยือนอุทยานหินๆของเราแบบพอหอมปากหอมคอ ของจริงยังมีให้เราอ้าปากค้างอีกเยอะค่าา เห็นหินๆๆ กันจนเบื่อไปเลยทีเดียว





     ลืมบอกว่าก่อนหน้าที่จะมาหยุดที่นี่ เราแวะปั๊มน้ำมันที่จุดพักหนึ่ง (กว่าจะกลับตัวเข้าฟรีเวย์อีกที ก็เล่นเอาควงสว่านกันสุดฤทธิ์ ถนนที่นี่กลับรถยากจริงเว้ย) เพราะลมแรงวอลุ่มสุดแล้วรถไม่สามารถประคองตัวให้อยู่ในเลนได้ด้วยสองแขนอันบอบบางของฉันคนเดียว  เราพักเข้าห้องน้ำและถือโอกาสซื้อขนม  นมและน้ำ ชั้นคันปากจึงเอ่ยถาม พนักงานปั๊มน้ำมันว่า เมืองยูเนี่ย ลมแรงอย่างงี้ทุกวันหรอ ได้รับคำตอบที่สะเทือนใจว่า เพิ่งมาแรงก็วันนี้แหละ แรงมากเลย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น !!! ขอบคุณค่ะ เพราะใคร! เพราะอีหญิงแน่ๆ สรุปให้เลย งานนี้!
       จบการรายงานเพียงเท่านี้ สำหรับรีวิวแพะเมืองผีอเมริกา  เจอกันในบทต่อไป กับโคตรโขดหินที่ใหญ่โต อลังการและมีมากมายจนสร้างความประหลาดใจอย่างล้นเหลือแก่เราสามสาวเป็นอย่างยิ่งกับ Monument Valley ค่ะ ท่านผู้อ่าน วู้ฮู!!!! (ขอลมหอบไปได้ไหม ขี้เกียจขับ)





 
     

















     

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลุยหิมะชมศาลเจ้า Kamikawa และมุ้งมิ้งส่องสัตว์ที่ Asahiyama Zoo

                       ฉันเป็นคนชอบไปศาลเจ้า ฉันไปมาหลายจังหวัดในญี่ปุ่น เพื่อไปเดินเล่นและสักการะศาลเจ้า และจนถึงตอนนี้ ฉันได้ค้นพบศาลเจ้าที่ฉันโปรดปรานมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือที่นี่                           -ถุงแป้ง- เราตื่นมาพร้อมความสดชื่น เตียงนอนนุ่มสบายมาก ขอโปรโมตโรงแรมนี้ ดีงามพระรามยุ่นมาก นี่คือสภาพรถตอนเข้านำจอดเมื่อคืน ฉันออกไปรับรถที่ฝากไว้กับโรงแรม (มีค่าใช้จ่ายนะแจ๊ะ) โดยยื่นบัตรแข็งเล็กๆที่แสดงว่าเราได้รับการสแตมป์กับโรงแรมแล้ว ให้ลุงที่ดูแลจุดจอดรถแบบใช้ลิฟต์ รอสักพัก รถเราก็ลงมากับลิฟต์ฝั่งขวา (มีสองฝั่งสลับกัน) แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไถตัวออกมาได้โดยเครื่องมือใดๆนะ เราต้องเข้าไปขับออกมาเอง โดยมีลุงคอยบอก ว่าให้ระวังอะไรซ้ายขวา ยังงัย ตอนออกง่ายกว่าตอนเข้า ซึ่งต้องตั้งลำให้ดี หุบกระจกข้าง และมองกระจกที่เค้าแปะไว้ข้างในว่า รถเราตั้งองศาตรงมั้ย  และอีกตามเคยที่ฉันขับออกมา ก็จะเลี้ยวออกผิดด้าน เพราะในเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น หลายที่เดิ...

คลอง(โอตารุ Otaru) แสนแซ่บ ไม่ไปไม่ได้

                                        ความหม่นมัวของฤดูหนาว ไม่สามารถทำร้ายมนต์เสน่ห์ของคลองนี้ได้ ยิ่งกลับขับเน้นความเก่าขลังของตึกอิฐสีตุ่นๆให้โดดเด่นมากขึ้นและมากขึ้น                                -ถุงแป้ง-       เราคืนรถที่เช่ามาไปเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน แม้จะทุลักทุเลที่ต้องขับไปคืนที่สนามบินชินชิโตเสะ แล้วต่อรถเมล์กลับมาซับโปโร่หน่อยก็ตาม (ปกติ ก็ไม่เคยทำอย่างนี้ คืนรถที่สนามบิน ก็บินกลับเลย ใครใช้ให้ทำแบบนี้!!! โกรธตัวเอง)        อากาศเช้านี้ ค่อนข้างมัว มีหิมะปรอยๆแต่เช้า พยากรณ์อากาศทำให้ใจเราห่อเหี่ยวขึ้นไปอีกว่า จะมีหิมะตกทั้งวันประปราย สงสัยภาพเราที่โอตารุจะไม่งามละ งานนี้                    ข้างนอกหน้าต่างเป็นไอความร้อนจากฮีตเตอร์ในตัวรถกระทบกับความเย็นข้างนอก ซึ่งตอนนี้ หิมะกำลังตกลงมาอีก   ...

เที่ยวไทเป Little Tokyo แบบ ฮิปสเตอร์ สไตล์เซอร์กับฉัน part 1

                                                                         ไทเปมีย่านฮิปๆหลายจุดให้แฮงก์เอาต์ แต่ไม่แฮงก์ โอเวอร์  หนุ่มสาวฮิปสเตอร์ตามมาเลยค่ะ!!!      เราไม่จำเป็นต้องเริ่มสำรวจเมืองเช้ามากหรอกนะคะ ออกสัก 9โมงกว่าๆ ไม่ได้ขี้เซา แต่จะบอกว่า ร้านรวงฮิปๆหลายร้านเปิดกันเลตมากเลย คาเฟ่บางร้าน เปิด10หรือ 11 โมงเช้า นอกจากว่า เราจะไปตามร้านโจ๊ก หรือไปไหว้พระที่วัดที่ออกเช้าๆได้ แล้วค่อยไป ที่แรกเลยคือ Bo Pi Liao ปัวผีเหลียว เ ป็นที่ๆเราเดินต่อมาจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดหล่งชาน Long Shan แล้ว โดยการเดินทางก็คือ รถไฟmrt สายสีเงิน ลงที่สถานี Long Shan temple exit 1 จากหน้าประตูใหญ่ทางเข้าวัด ให้เดินเลาะกำแพงวัดตรงมาเรื่อยๆ ไม่ไกลเลยค่ะ แต่ตอนฉันไปครั้งแรก ก็ต้องอาศัยถามหนุ่มหล่อขายบ๊ะจ่างแถวนั้นว่า ไปยังไง (เลือกคนถามทางนิดส์ ถ้าหล่อก็พุ่งเข้าไปเลย ) อ...